System Requirements OS : Windows XP (SP2), Windows Vista, Windows 7 CPU : 2.8 GHz Core Duo Processor / Athlon64 X2 RAM : 1GB (XP), 2GB (Vista, 7) Hard Drive : ที่ว่างอย่างน้อย 15GB ตอนลงเกม VGA : 256MB Video card with Shader Model 3.0
- GeForce 6800 ขึ้นไป (ยกเว้น 7300, 7600 GS, 8500)
- ATI X1600 ขึ้นไป (ยกเว้น X1300, X1300 Pro, HD2400)
ต้องลงทะเบียนและติดตั้งผ่าน Origin (แน่นอนว่าต้องใช้เน็ต)
สำหรับเรื่องสเปคเครื่องนี่เอาเป็นว่าถ้าเครื่องท่าน ยังเล่นภาคแรกกับภาคสองได้ก็เล่นภาคสามได้อย่างไร้กังวลครับ
เรื่องย่อขั้นต้นแบบขอไปที
ภาคนี้เริ่มแรกสุดจะโฟกัสไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาว Tau Volantis เมื่อ 200 ปีก่อนกับการหยุดยั้งหายนะจาก Marker แล้วก็ข้ามเวลากลับมาช่วงปัจจุบันที่พวกพ่อหนุ่มดวงซวยสุดกู่อย่างไอแซคที่ต้องจับปืนออกสู้กับเหล่า Necromorph อีกครั้ง หากแต่คราวนี้ศัตรูไม่ได้มีเพียงพวกสิ่งมีชีวิตหน้าตาไม่เป็นมิตรพวกนี้เท่านั้น หากแต่ยังมีพวกมนุษย์อย่างพวก Unitologist อีก แล้วบทสรุปของวิศวกรรายนี้จะเป็นอย่างไรก็ติดตามกันได้ในเกมหรือหาสปอยล์กันตามสะดวกล่ะนะ
โบนัสพิเศษจากเกมในเครือ
- คนที่มีเซฟของเกม Mass Effect 3 จะได้รับชุดสูทพิเศษ N7 (เซฟนี้จะเป็นของเกมเวอร์ชั่น Demo ก็ได้)
- คนที่มีเซฟของเกม Dead Space 2 จะได้รับปืน Planet Cracker Plasma Cutter เมื่อไปถึง Bench แรกสุด
สิ่งที่เปลี่ยนไปจากภาคก่อน ๆ
ก่อนที่เราจะไปแตกย่อยประเด็นต่าง ๆ ผมก็ขอพูดโดยสรุปเลยละกันว่ามีอะไรบ้างที่เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับภาคสอง
- การควบคุมเพิ่มการกระโจนกับการนั่งยองเข้ามา ซึ่งไอ้นั่งยองไม่ค่อยได้ใช้หรอกสำหรับผู้เล่นสายเดิ นหน้ายิงดะ แต่กระโจนเนี่ยได้กดกันมือระวิงเลย หลบลูกน้อง หลบบอส หลบจรวด หลบบลา ๆๆ ฯลฯ (สงวนสิทธิ์ในการได้กดรัว ๆ สำหรับระดับ Impossible ช่วงแรก ๆ กับพวกลูกน้องหรือบอสบางตัวที่เราโดนสะกิดแค่ทีสองที ตาย)
- โหมดเนื้อเรื่องจะเล่นคนเดียวก็ได้ Co-op สองคนกับคนอื่นก็ดี โดยเฉพาะที่ความยากระดับ Impossible ที่ผมเล่นจบที่ระดับนี้แบบ Co-op มันตั้งแต่รอบแรกที่เล่น นึกเลยว่าถ้ามาคนเดียวไม่น่าจะจบได้ โดยเฉพาะช่วง Chapter ท้าย ๆ ที่กระสุนแทบจะไม่มีให้ใช้เลยถ้าไม่มีคนช่วยยิงล่ะนะ
แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าเล่น Co-op จะทำให้เนื้อเรื่องเสียไป....เพราะตัวละครที่มาเป็นตัวให้เล่นก็เป็นตัวละครหลักในเนื้อเรื่องอยู่แล้ว แต่จะกลายเป็นตัวรองไปซะฉิบถ้าเล่นคนเดียว
ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าเล่นคู่กันจะช่วยเสริมความสมเหตุสมผลของการปรากฏตัวของตัวละครได้มากกว่าการเล่นคนเดียวนะ
ส่วนการหาห้องเล่นนั้นกรณี Public ใช้ระบบ Match Making ส่วน Private ก็เชิญเพื่อนใน Origin มาเล่นอะนะ ซึ่งก็ไม่ต้องกลัวแลคหรอกเพราะใช้การเชื่อมต่อแบบ p2p ชนิดที่ถ้าเน็ตไม่เน่าเองก็น่าจะเล่นได้ตลอดเกมแหละ
- ชุดสูทแบบต่าง ๆ แทบจะไม่ได้มีผลอะไรกับเกมแล้ว ยกเว้นแค่เปลี่ยนตามเนื้อเรื่องจุดนึงแล้วก็เปลี่ยนกลับได้ จนเหมือนชุดสูทนี่เป็นแค่สีสันที่ทำให้รู้สึกว่ายังเ ป็น Dead Space โดยสามารถเลือกปรับได้ตามใจชอบ ส่วนระดับพลังชีวิต เกราะ และอากาศ (ใช้เวลาอยู่ในอวกาศ) จะมีให้อัพเกรดต่างหาก ซึ่งอันหลังสุดนี่ไม่ต้องไปอัพหรอก เพราะเริ่มมาก็ให้เวลา 250 วินาที เรียกว่ามีให้ใช้เหลือเฟือเลยล่ะ
- ปืนทุกประเภทใช้กระสุนชนิดเดียวกันหมดแล้ว แค่ว่าใช้ในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน ซึ่งช่วยลดปัญหาการที่ต้องพกกระสุนหลาย ๆ อย่างไปตามประเภทปืน แต่ขณะเดียวกันก็ลดความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการกระ สุนลงไป
- จำนวนปืนที่พกไปได้ลดจาก 4 เหลือแค่ 2 กระบอกเท่านั้น แต่ทั้งสองกระบอกนั้นอาจจะเป็นแค่กระบอกละ 1 ชนิด หรือกระบอกละ 2 ชนิด.....ถ้าอ่านแล้วงง เดี๋ยวอ่านไล่ลงไปเรื่อย ๆ ก็เข้าใจเองแหละ (มั้ง ?)
- การซื้อของต่าง ๆ จะไม่มีอีกแล้ว และจะไม่มีเรื่องเงินเลยแต่เป็น resource แบบต่าง ๆ ในการ Craft เอา ซึ่ง resource ที่ว่ามีอะไรบ้างดูได้ที่ภาพด้านล่างเลย
- และจากข้อบน....ไม่เพียงแต่ของต่าง ๆ ที่ต้อง Craft มาใช้เท่านั้น ปืนเองก็ต้องใช้ resource เหมือนกันในกรณีที่สร้างจากแบบ
- การ Craft ปืนเราสามารถทำได้ตั้งแต่ด้ามจนออกมาเป็นกระบอกเสร็จ สมบูรณ์เท่าที่ resource จะเอื้ออำนวยเลยล่ะ
จะทำของใหม่ที่ยังไม่มี หรือจะเอาที่มีอยู่แล้วมาประกอบเป็นปืนก็ตามใจเลือกเลย
แต่โดยส่วนตัวกับระบบนี้ก็คิดว่าเข้าท่าอยู่หรอก เสียอย่างเดียวคือผสมออกมาแล้วไอ้ที่ใช้ประโยชน์ได้จ ริง ๆ มีไม่กี่แบบหรอก แล้วที่สำคัญก็คือกว่าจะเริ่มทำเล่นได้จริง ๆ ก็คือต้องจบเกมหนึ่งรอบหรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องเล่นไปกลางค่อนไปทางท้าย ๆ เกมแล้วล่ะ ทำให้ไม่น่าสนใจมากเท่าไหร่นักถ้าคิดจะเล่นรอบเดียวแ ล้วตัดหางปล่อยวัดเกมนี้ไปอะนะ แต่สำหรับผมมันมีอีกสองสาเหตุ
จากภาพปืนกระบอกทางขวาคือ 1 ในปืนที่ได้มาสำหรับคนที่ซื้อ Limited Edition และเป็นกระบอกเดียวที่ผมใช้ตะลุยตั้งแต่ต้นจนจบเกม ด้วยคุณสมบัติที่ปืนหลักมันเป็นปืนไรเฟิลแบบ Semi-Auto ใช้ยิงระยะกลางถึงไกลได้ กับปืนรองที่เป็นลูกซองสำหรับรับมือในระยะประชิด (แถมยังได้ใช้บ่อยเสียอีก) มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกว่าระบบประกอบปืนไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากแค่กระบอกนี้กระบอกเดียวก็ใช้ยิงศัตรูได้หมดทุกตัวทุกระยะในเกมละ (ยกเว้นระยะไกลมากที่ไม่ค่อยจะได้เจอเท่าไหร่)
และอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญด้วยก็คือถ้าเล่นระดับ Hard หรือ Impossible ตั้งแต่รอบแรกแบบผมล่ะก็ ระบบนี้แทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวเลย เพราะแค่ต้องเอา Resource มาทำยากับกระสุนก็แกลบจะแดร๊กละ
- การอัพเกรดปืนจะเป็นการหาชิพมาติดเข้าไปเพื่อทำให้ปืนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่การอัพเกรดด้วย Node แบบภาคก่อน ๆ แล้ว โดยชิพนี้จะแบ่งเป็น 4 หมวดหลัก (รูปด้านล่าง)
ถามว่าดีมั้ยผมก็ว่าโอเคนะระบบนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละลดความท้าทายในการจัดการลงไป ทว่ามันก็ถูกชดเชยเรื่องการบริหาร resource ไปแล้วผมก็ถือว่าหยวน ๆ ละกัน
- ภารกิจในเกมจะเพิ่มภารกิจทางเลือกเข้ามาอีก ซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่แนะนำว่าถ้าเป็นระดับ Hard ขึ้นไป หรืออยากจะเก็บชุดสูทแบบอื่นๆ กับไอเทมบางอย่างในเกมให้ทำซะ เพราะไม่เพียงจะมีไอเทมเฉพาะจุดแล้ว ยังมี resource ให้เป็นของรางวัลซึ่งถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าเลยทีเดียว (ถ้าระหว่างที่ทำไม่ได้ใช้กระสุนกับยาเปลืองอะนะ) โดยภารกิจทางเลือกนี้มีทั้งภารกิจเดี่ยวและภารกิจแบบ Co-op ชนิดที่เรียกได้เลยว่าถ้าไม่ลงเล่นกับคนอื่นสักครั้ง จะไม่มีทางจบเกมแบบ 100% ได้แน่นอน
- มีอุปกรณ์ช่วยหาของที่เรียกกันว่า Scavenger อะไรสักอย่างนี่แหละ จำชื่อมันไม่ได้.....ซึ่งเมื่อใช้งานเราจะสามารถใช้มันส่องหาตำแหน่งไอเทมสำคัญได้แบบคร่าว ๆ (ลักษณะเป็นเหมือนเรดาห์บอกทิศทางกับระดับชั้นว่าอยู่ชั้นล่างลงไปหรือขึ้นบนหรือชั้นเดียวกับเรา) กับอีกวิธีคือปล่อยให้มันไปหาของให้เรา ซึ่งของที่ได้ก็จะเป็น Resource นิด ๆ หน่อย ๆ สำหรับเอามาคราฟของอีกที ซึ่งมันจะใช้เวลาอยู่พักหนึ่งในการค้นหาแล้วเราก็จะไ ปเอามันมาใช้ได้อีกครั้งที่ Bench
ถามว่ามีประโยชน์มั้ย ? แน่นอนว่าสุด ๆ สำหรับความยากที่ผมเล่น ซึ่งหาแร่ต่าง ๆ ยากชิบเป๋ง แต่จำนวนที่มันหามาได้ก็น้อยจนน่าใจหายล่ะนะ (อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย)
- ปริศนาที่ต้องแก้ไขในเกม....สำหรับภาคนี้มีความหลากหลายมากขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับภาคสองที่มีเพียงแค่หมุนเมาส์กดแชะแล้วจบ มีทั้งหมุนฟิวส์, เลื่อนแผ่นทดลอง, หมุนกล่อง(แบบในภาพด้านล่าง)
แต่ไอ้หมุนเมาส์กดแชะแบบภาคสองก็ยังมีอยู่เป็นบางจุด นะ
และบางอัน.....จริง ๆ อันเดียวแหละ ช่วง Chapter 17 รึ 18 นี่แหละ นี่ยากนรกเลยจริงๆ แล้วไอ้ที่ยากน่ะไม่ใช่ตัวปริศนาเองหรอกนะ แต่เป็นฝูง Necromorph ที่แห่แหนกันมาได้ราวกับผู้เล่นเป็นห้างเปิดซัมเมอร์ เซลล์แบบลด 90% ไปได้ ตายเยอะเกินจนลืมไปเลยว่าอันนั้นมันอยู่ Chapter ไหน
และนั่นก็น่าจะเป็นทั้งหมดของส่วนที่เปลี่ยนแปลงจากภ าคเดิมล่ะนะ ซึ่งถ้าอยากรู้เบื้องลึกก็ไปหามาเล่นเองจะดีกว่าล่ะนะ
เนื้อเรื่อง
เกมแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น 19+1 Chapters โดยไอ้ +1 ด้านหลังนั้นจะเป็นบทนำของเกมที่เราจะได้เล่นเป็นตัว ละครอื่นที่ไม่ใช่ไอแซค และเป็นการเปิดปมเนื้อเรื่องของภาคนี้ที่ย้อนกลับไป 200 ปีก่อนนู่น
และอาจเป็นเพราะภาคนี้เป็นบทสรุปของซีรี่ย์ (หรืออย่างน้อยก็ของไอแซค) ทำให้เนื้อเรื่องช่วงกลางถึงท้ายเรื่องเดาง่ายไปหน่อย (เมื่อเทียบกับภาคหนึ่งหรือภาคสอง) กระนั้นเนื้อเรื่องแต่ละช่วงก็ยังคงทำได้น่าติดตาม (และเล่นต่อ) รวมถึงยังมีบางจุดที่เกินความคาดหมายจนคิดไปว่า "คนเขียนบทมันเล่นไม้นี้เลยเรอะ" อยู่ดีแล้วก็ที่คนกลัวกันว่าเนื้อเรื่องจะเดินอยู่บนพื้นที่ที่มีแต่หิมะจนดูเหมือน Lost Planet ไปซะฉิบนั้น....จริง ๆ นั่นมันช่วงกลางเรื่องอะนะ แต่ต้นเรื่อง (ไม่นับบทนำ) จะไม่ได้เห็นหิมะหรอกนะ
ภาคนี้บู๊สนั่นยิ่งกว่าภาคสองอย่างเห็นได้ชัด แต่ช่วงที่ทำให้ตกใจหรืออกสั่นขวัญแขวนก็พอมีอยู่บ้างจึงยังไม่ถึงกับเสียเอกลักษณ์ของเกมไปเสียทีเดียว
ขณะที่ด้านศัตรูของเกมนี้พวกที่วิ่งสองขาได้ก็มากันครบหมดทุกตัว ยิ่งไอ้เจ้า Regenerator ซึ่งได้เจอตั้งแต่ต้นเกมที่นอกจากจะไม่ได้มาแค่ตัวเดียวแล้ว ยังแทงเราทีเดียวตาย (ที่ระดับ Impossible) คอยไล่เราในที่แคบ ๆ รวมกับพลพรรคของมันนี่ยิ่งทำให้ระทึกสุด ๆ ไปเลยทีเดียว ทว่าเมื่อเลยช่วงนั้นไปจะไม่ได้เจอมันละ.....
แต่ไม่ต้องเสียใจไป เราจะได้เผชิญกับเนโครมอร์พสายพันธุ์อื่นที่เพิ่มเข้ามาอีกในภาคนี้ที่ถ้าได้เจอ (แบบเป็นฝูง) ในบางสถานการณ์แล้ว จะนึกอยากให้ Regenerator มาไล่หลังเหมือนเดิมยังจะดีเสียกว่า
ส่วนโหมดการเล่นนอกจากโหมดเนื้อเรื่องกับ Co-op แล้วก็ไม่มีอะไรอีกละ ถามว่าเยอะมั้ยมันก็ตอบยากอยู่แหละนะ.....แต่ดูเหมือนโหมดการเล่นจะเหมาะกับคนที่ชอบความท้าทายอย่างโหมด Pure Survival หรือ Hardcore ที่มีให้เล่นหลังจบรอบแรกไปแล้วนี่ก็น่าจะถูกใจกันมากเลยล่ะ
เริ่มจาก Pure Survival เงื่อนไขของเกมคือ ไอเทมทุกชิ้น (ยกเว้น Resource) ไม่มีดรอป อยากได้ต้องคราฟเอาเอง
ส่วน Hardcore ภาคนี้ไม่ใช่แบบสองภาคแรกนะ......ภาคนี้จะให้เราเซฟเท่าไหร่ก็ได้ให้เต็มที่ (เซฟตามเชคพอยท์กับออกจากเกม) แต่คุณตายไปเริ่มใหม่ตั้งแต่บทนำ ซึ่งมันโหดกว่าทั้งเกมเซฟได้สามรอบแบบภาคสองอีกนะ
Graphics
สำหรับคนที่เล่นภาคแรกกับสองได้ ภาคสามนี่ไม่ต้องห่วงเลย เพราะเอนจิ้นตัวเดิมทุกอย่างคงเดิม ทั้ง Texture ที่บางจุดก็แตกยับ มีก็แค่การปรับแสงเงาให้ดูสวยงามนวลตาขึ้น
แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ไม่ต้องเสียตังค์อัพคอมเพื่อเล่นเกมเหมือน ของค่าย Cryt** อะนะ
Sound and Music
ภาคก่อนผมรีวิวผิดพลาด แต่ภาคนี่ไม่น่าพลาดอะไรละ อุตส่าห์ใส่หูฟังเล่นตลอดเกม....(ใช้ Siberia V2 น่ะ)
เพลงประกอบและพวกซาวด์เอฟเฟคยังทำได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย แต่ถ้าฟังไม่ผิดบางเพลงจิ๊กภาคสองมาใช้ด้วยเหอะ....น่าหักคะแนนจริง ๆ
แต่ก็ชดเชยด้วยบางช่วงมีเอาเพลงยุค 80 รึ 90 นี่แหละมาเปิดขณะที่เราก็ยิงเนโครมอร์พไปพลาง ๆ หรือบางจังหวะแบบฉากไม่ได้มีอะไรเลยแต่เพลงดังขึ้นมา จนทำให้เราระแวงไปได้
แถมยังมีหุ่นตัวนึงใน Chapter แรก ๆ เลยที่แบบกำลังหาของในห้องอยู่ดี ๆ แบบไม่ได้สนใจอะไร มันก็ส่งเสียง (แบบหลอน ๆ) ขึ้นมาจนสะดุ้งเลยทีเดียวล่ะนะ
ปัญหา/สิ่งกวนใจ
สิ่งที่เป็นปัญหาและทำให้เกมโดนตินั้นถ้าไม่นับกราฟฟิคแล้วก็ยังมีเรื่องให้ติจนเสียราคาไปเลย ซึ่งเป็นหัวข้อดังนี้....
- เซฟเกมภาคนี้จะแยกเก็บเป็นสองส่วนคือเก็บในเครื่องเราเอง และส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของทาง EA ขณะที่รูปแบบการเซฟเกมที่ภาคนี้มีสองวิธีคือเซฟตามเชคพอยท์กับออกเกม ซึ่งตรงนี้จัดว่าน่ารำคาญมากกับการที่เราไม่สามารถเซฟในจุดที่เราต้องการโดยไม่ต้องออกจากเกมไปได้
และยิ่งน่ารำคาญยิ่งกว่าคือเราออกเกมไปแล้ว ไฟล์เซฟที่เซฟบนเครื่องเราบางทีก็ไม่ได้ Synchronize กับเซิร์ฟเวอร์จนไฟล์บนนั้นกลายเป็นเซฟเกมจุดก่อนหน้านี้ แล้วพอปิดเครื่องเปิดขึ้นมาใหม่มันดันเอาเซฟบนเซิร์ฟ เวอร์มาทับไฟล์เซฟบนเครื่องของเราไปซะฉิบ
สมมติว่าเราออกจากเกมตอนกลาง ๆ Chapter 10 แต่เซิร์ฟเวอร์เก็บเซฟไว้ที่ Chapter 9 แล้วเปิดเกมมาใหม่มันดันโหลดไอ้แชพ 9 ขึ้นมาให้......เข้าใจอารมณ์ใช่มั้ยว่ามันเป็นอย่างไร
- การเล่น Co-op ไม่มีระบบสื่อสารมาให้.....การเล่นห้อง Public ถ้าไม่ใช่คนที่รู้งานกันดีจะเป็นอะไรที่ยิ่งกว่านรกเสียอีก ทำให้แทนที่จะมาช่วยกันดันเจือกมาเป็นตัวถ่วงกันไปซะ ฉิบ ซึ่งโชคดีมากที่ผมเล่นระดับ Impossible ในห้อง Public แล้วเจอคนที่รู้งานกันเลยพอประคับประคองกันไปได้จนจบ เกม
โดยรวม “Dead Space 3” เป็นเกมที่เน้นความเป็นแอ๊คชั่นมากกว่าเดิม เพิ่มลูกเล่นที่การแต่งเติมเสริมสร้างอาวุธใหม่ ๆ ขึ้นเอง เนื่องจากไม่มีระบบซื้ออาวุธ เปลี่ยนมาเป็นระบบสร้างและปรับแต่งอาวุธแทน ทำให้ผู้เล่นได้ครีเอทไอเดียกันเต็มยศ ว่าจะประดิษฐ์อาวุธทำลายล้างแบบไหน เพื่อไปไล่ยิงฝูงผีดิบ นอกจากนี้เกมยังมีความเร้าใจมากขึ้น เพราะตัวเอกของเราและศัตรูมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่า 2 ภาคแรกพอสมควร ทางด้านความหลอนถือว่าลดน้อยถอยลงไปมาก อาจเพราะปล่อยมุกเด็ดไปใน 2 ภาคแรกหมดแล้ว ทำให้ “เดด สเปซ 3” จะมาในแนวสร้างความกดดันให้กับผู้เล่นมากกว่าความหลอน เพราะศัตรูมักจะเลือกโจมตีในขณะที่ตัวเอกของเราอยู่ในสภาวะจนตรอก และไม่ได้มาแค่ตัวสองตัว แต่จะมาเป็นชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดเล็ก ชุดใหญ่ หรือทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ผสมกันเลยทีเดียว
อีกหนึ่งจุดเด่นของภาค 3 ก็คือ โหมดช่วยกันเล่นแบบออนไลน์ โดยเราจะเลือกเล่นเป็น “คลาร์ก” หรือ “คาร์เวอร์” ก็ได้ ทางเพื่อนอีกคนที่มาช่วยเล่นก็จะบังคับอีกคนหนึ่ง เพื่อเป็นคู่หูตะลุยไปด้วยกัน โดยทางทีมพัฒนาได้เพิ่มมิชชั่นพิเศษที่ต้องเล่นด้วยกันเท่านั้นจึงจะเจอเข้า ไปด้วย ซึ่งทำออกมาได้ดีมาก ๆ ด้านดนตรีประกอบออกแนวคึกคักสไตล์หนังบู๊แอ๊คชั่นล้างผลาญ เป็นการแสดงให้เห็นว่า ภาคนี้ไม่เน้นหลอนนะจ๊ะ เน้นสาดกระสุนใส่ศัตรูให้เละกันไปข้างหนึ่ง ฝั่งภาพกราฟิกทำออกมาได้ดีกว่าภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะฉากอวกาศ สวยงามอลังการทางช้างเผือกจริง ๆ แถมไม่กินสเปกเครื่องด้วยสำหรับเวอร์ชั่นพีซี
สรุปแล้ว “Dead Space 3” แม้จะไม่หลอนเท่าเก่า แต่ก็สนุกเร้าใจไม่แพ้ 2 ภาคแรก เน้นเป็นเกมเอาชีวิตรอดมากกว่า ระบบสร้างอาวุธถือเป็นจุดเด่นใหม่ของภาคนี้ เกมได้รับคะแนนจากเว็บไซต์วิจารณ์เกมชื่อดังทั้งหลายในระดับพอใช้-ดี ภาพสวย ระบบเสียงแจ่ม ฉากในเกมมีหลากหลายมาก ๆ ฝูงซอมบี้ดูสยดสยองกว่าเดิม เนื้อเรื่องน่าติดตาม เกมเพลย์สนุก แถมมีมินิเกมเจ๋ง ๆ ให้ได้เล่นด้วย โหมดช่วยกันเล่นถือเป็นไฮไลต์ของเกมอย่างแท้จริง สำหรับข้อเสีย คือ การควบคุมบังคับตัวละครยังทำได้ไม่ดีนัก
No comments:
Post a Comment