เรื่องตลกของการเล่นเกมส์
เรื่องตลกของการเล่นเกมส์ทุกวันมีเกมส์ออกใหม่มากมาย และ ก็มีนักเล่นเกมส์หน้าใหม่ทุกวัน บางคนเล่นเกมส์ตามใจที่อย่างจะเล่น แต่สำหรับบางคนไม่รู้ว่าจะเล่นเกมส์อะไร เรามาหาแก้ไขกันดีกว่า อย่างแรกที่เราควรทำในการหาเกมส์มาเล่น เพื่อลบข้อหาเล่นเกมส์ตามเพื่อน...
1.หาข้อมูลข่าวสาร
ทุกวันนี้มีเว็บไซต์มากมายที่เป็นแหล่งข่าวสารข้อมูลวงการเกมส์ทั้งในและต่างประเทศ เว็บไซต์นี้ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เรื่องนี้ถือว่าจำเป็นมากเพราะเราจะได้เห็นทุก สเต็ปของเกมส์นั้นๆระหว่างกันพัฒนาไม่ว่าจะเป็นเกมส์เพลย์ จุดเด่นของเกมส์
ลักษณะเกมส์
ทั้งหมดนี้จะเป็นการช่วยให้เราซึมซับข้อมูลของเกมส์ที่เราสนใจไปโดย
อัตโนมัติและนี่ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะเป็นการประกอบตัดสินใจว่าจะซื้อเกมส์นั้นหรือไม่
2.Wikipedia & Google
ผมมักจะเจอคำถามที่ว่า เกมส์นี้ออกเมื่อไหร่ เกมส์นี้ซื้อมาจะคุ้มไหม แต่บางทีเขาก็ลืมถามผมว่าได้เล่นเกมส์นี้แล้วหรือยัง ทางออกที่ดีที่สุดในการรู้ข้อมูลของเกมส์นั้นๆก็คือ Wikipedia หรือ Google นี่แหละครับ ลองเอาชื่อเกมส์ไปค้นดู เราทราบถึงข้อมูลไม่ว่าจะเป็น ทีมพัฒนา ผู้จัดจำหน่าย ประเภทของเกมส์ แพลตฟอร์มที่เกมส์จะลงให้ รวมไปถึงวันวางจำหน่ายคำถามที่หลายคนชอบถามแต่คำตอบมันอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ
3.ทำตัวเป็นนักสืบ
เกมส์แต่ละเกมส์ที่ออกมาบางคนอาจจะมองแค่ชื่อเกมส์เท่านั้น
แต่ผมเชื่อว่าผู้ที่มีประสบการณ์เล่นเกมส์มาโชกโชนอย่างน้อยๆพวกเขาเหล่านั้น
ก็จะดูที่ทีมพัฒนาครับ ตรงนี้ผมถือว่าสำคัญมากถึงแม้จะไม่ใช่ที่สุดก็ตามที
ผมยกตัวอย่างเช่น Irrational Games ทีมที่พัฒนาเกมส์ Bio shock
ลองนึกกลับไปตอนที่เกมนี้กำลังเป็นข่าวและไม่ได้วางจำหน่าย
ทำไมคนถึงให้ความสนใจมันนัก ก็เพราะทีม Irrational Games
นั้นเคยมีผลงานดังอย่าง System Shock 2 มาก่อนนั่นเอง
ตรงนี้ก็เลยเป็นเหมือนเครื่องการันตีว่า เกมส์มันดูน่าสนใจไปโดยอัตโนมัติ
แต่บางทีก็ไม่เสมอไปยกตัวอย่าง Gearbox Software ที่มีผลงานลือชื่ออย่าง
Borderlands แต่ก็ต้องมาตกม้าตายกับเกม Aliens: Colonial Marines
ซะอย่างงั้น
เพราะฉะนั้นในหัวข้อนี้ผมก็ขอแนะนำว่าการจะซื้อเกมส์อะไรสักเกมส์ให้ลองดูที่ผล
งานเก่าๆของทีมพัฒนานั้นๆมาก่อนด้วยครับ
4.เป็นนักอ่านที่ดี
ข้อนี้เหมือนเป็นการสรุปใจความทั้งหมดของทุกข้อ แน่นอนครับว่าข้อมูลที่เราจะได้มานั้นมันต้องรับมาจากการอ่านหรือไม่ก็การฟังเท่านั้น การอ่านบ่อยๆอ่านเยอะๆมันจะช่วยลดคำถามลงได้และมันทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าค้นคว้าหาข้อมูล ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินคำว่าเด็กไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละไม่เกิน 7 บรรทัดใช่ไหมล่ะ? ผมเถียงเลยนะไม่จริงเด็ดขาดแต่สิ่งที่ผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าถ้าบอกว่าเด็กไทยสมัยนี้สมาธิสั้น เอาเป็นว่าถ้าใครอ่านมาถึงตอนจบนี้แสดงว่าคุณผ่านข้อครหาเหล่านั้นมาหมดแล้วล่ะครับ สวัสดี
No comments:
Post a Comment